กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ
ยังจำกันได้รึเปล่า ช่วงนี้จขบ.จะทำการอัพบล็อกบ่อยขึ้น เวลามีเรื่องราวดีๆจะได้เอามาแบ่งปันกันนะคะ
ยังจำกันได้รึเปล่า ช่วงนี้จขบ.จะทำการอัพบล็อกบ่อยขึ้น เวลามีเรื่องราวดีๆจะได้เอามาแบ่งปันกันนะคะ
การศึกษาไทยติดอันดับ
8 ของอาเซียน น้อยกว่าทั้งเวียดนาม กัมพูชา ลาว และ
พม่าเชื่อว่าคนไทยหลายคนคงตกใจกับข่าวนี้ไม่น้อย
มีคำถามหนึ่งที่จขบ.เชื่อเลยว่าหลายๆคนอยากรู้
“อะไรทำให้อีก
7 ประเทศถึงมีการศึกษาดีกว่ากว่าเรา”
“ทำไม ประเทศไทยถึงหล่นลงมาอยู่อันดับแปด
ทั้งๆที่เด็กเรียนหนักกันจนสมองบวม”
ถ้าจะบอกว่าเด็กไทยไม่อ่านหนังสือก็คงมีเด็กไทยหลายคนเถียงแบบสุดๆ
“หนู/ผม อ่านหนังสือเยอะนะ
ที่บ้านมีหนังสือเต็มบ้านเลยจะหาว่าไม่อ่านได้ยังไง”
คำถามของจขบ.คือ “คุณอ่านอะไรบ้างละ”
หนังสือนิยายรักหวานแหวว ทั้งแฟนตาซี
ผจญภัย ละครหลังข่าว การ์ตูน นิตยสารบันเทิง ฯลฯ
มีใครอ่านหนังสือพิมพ์บ้างไหม?
หนังสือภาษาอังกฤษละ
หนังสือเรียนเอากลับมาอ่านทบทวนรึเปล่า
ไม่ได้ว่าว่าอ่านหนังสือพวกนั้นไม่ดี
มันอ่านได้ แต่อ่านทำไม คุณอ่านนิยายรักหวานแหวว ก็จริง
คุณเคยคิดจะเขียนมันรึเปล่า หรือแค่อ่านเพราะฉันสนุกกับมัน
จขบ.คิดว่า
วิธีการเรียนมันไม่เหมือนกัน
เด็กไทยถูกครูกรอกหูมาทุกว่า
ว่าให้จำๆๆ ไอ้สิ่งที่เรียนมันเข้าไป จำได้แต่เข้าใจมันจริงรึเปล่า
ครูให้การบ้านมาเยอะจนจะทับเด็กตาย
แต่มีกี่คนที่ทำส่งอย่างเต็มที่ ไม่ได้สักแค่ทำให้เสร็จ
| การศึกษาของเด็กไทยในปัจจุบัน |
แต่ในทางกลับกันเด็กต่างประเทศถูกสอนมาให้เรียนด้วยความเข้าใจ
เรียนด้วยการตั้งคำถาม เรียนรู้จากความผิดพลาด และครูที่ดูแลเอาใจใส่เด็ก
ครูที่เป็นครูจริงๆ การบ้านเขาก็เยอะเหมือนกัน
แต่สังเกตอะไรไหม เด็ดเขาจัดการตัวเองได้ เขาทำงานกันแบบเต็มที่
เขาบริหารเวลากันเป็น
| เด็กนักเรียนประเทศสิงคโปร์ |
ถ้าเปิด AEC
ขึ้นมา ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่จะลำบาก เพราะไม่ได้แข่งแค่ประเทศตัวเอง
แต่ต้องแข่งกับประเทศอีกหลายประเทศ ศักยภาพมันต่างกัน คนไทยเลือกงาน กลัวลำบาก
งานนี้ได้เงินน้อยไป แต่ประเทศอื่นไม่ เขาไม่เลือกงานเขาทำทุกอย่างที่เขาทำได้
เห็นความแตกต่างไหม
ความขยัน
ความพยายาม
ความอดทน ความอึด
ของคนไทยอยู่ไหน?
มีเด็กหลายคนที่จมอยู่ในความคิดที่ว่า
โลกนี้สวยงาม ทุกคนรักฉัน ทุกคนแคร์ฉัน ไม่เคยเผชิญกับปัญหา
(เพราะพ่อแม่แก้ให้ตลอด จนสุดท้ายก็กลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน)
และกว่าจะรู้ว่าโลกในความจริงมันโหดร้ายแค่ไหน
ก็คงจะตอนเป็นผู้ใหญ่โลกของคนทำงานมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่ตอนเด็กๆเราเคยคิดไว้
ทั้งการแข่งขัน การบีบบังคับ
ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นโดยไม่สนใจคนรอบข้างว่าจะเป็นยังไง
ถ้าเขาหาจุดอ่อนเราเจอ เขาจะซัดเราทันที บุกไปเรื่อยๆจนเราจนมุม แล้วสุดท้ายเราก็
แพ้... เพราะเหตุนี้จขบ.ได้เห็นถึงความสำคัญของการซ่อนจุดอ่อนของตัวเอง
ไม่ว่าจะอยู่ในที่ประชุมหรือสถานการณ์อะไรก็แล้วแต่ อย่าให้อีกฝ่ายรู้ ว่าเรากำลัง
กลัว เพราะถ้าเขาจับผิดเราได้มันเหมือนพลังของเราหายไปกว่าครึ่ง
นี่คือตัวอย่างอาการของคนที่กำลังเสียความมั่นใจ
-พูดเสียงเบา
-พูดเสียงดัง โวยวาย
- ไม่สบตา
- เปลี่ยนเรื่อง
(ให้เราลืมเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่ หลายคนอาจใช้ได้ผล
แต่สำหรับคนที่อ่านคนออกแน่นอน มันไม่ได้ผล)
-อยู่นิ่งไม่ได้
-
พยายามปลีกตัวเองให้ออกมาจากสถานการณ์นั้นให้เร็วที่สุดเช่น ขอไปเข้าห้องน้ำ ฯลฯ
ถ้าเรารู้ว่าอาการของตัวเองตอนนี้เป็นข้อไหนควรที่จะแก้
จากเดิมที่เคยเสียเปรียบ ถ้าแก้ตรงนี้ได้อาจจะพลิกเกมกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ได้
ซึ่ง ณ จุดนี้ จขบ.ก็กำลังฝึกตรงนี้อยู่
ขอให้ทุกพยายามเข้าไว้
ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ต้องเริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆ
สังเกต ละเอียด แล้ววิเคราะห์จะทำให้เราอ่านคนออก...ซึ่งนี่ก็จะเป็นผลดีกับตัวเราเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น