Les miserables ความเมตตาท่ามกลางสังคมที่เห็นแก่ตัว
Les
miserables หนึ่งในสุดยอดวรรณกรรมโลกที่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษาทั่วโลก
มีการนำไปสร้างเป็นละครเวทีและดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ วรรณกรรมเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมฝรั่งเศสที่เขียนขึ้นโดยวิกตอร์
อูโก บอกเล่าถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1789-1832
เนื้อเรื่องมีความลึกซึ้งกินใจ
เพราะเป็นภาพสะท้อนชีวิตจริงของผู้คนที่ใช้ชีวิตท่ามกลางระบบสังคมที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรม
แต่ก็มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งความเมตตานี้เองจะเป็นสิ่งที่มอบความหวัง
ความเชื่อมั่น และความศรัทธาให้กับผู้คนเพื่อต่อสู้กับสภาพสังคมที่เลวร้าย
“ไม่มีใครชั่วร้ายที่สุด
และไม่มีใครดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาที่ไป” เช่นในกรณีของ ฌอง วัลฌอง
ตัวเอกของเรื่องที่ถูกจองจำในคุกถึงสิบเก้าปี เพียงเพราะว่าเขาขโมยขนมปังก้อนหนึ่งเพื่อนำไปให้หลานสาวที่กำลังจะอดตาย
เมื่อพ้นโทษเขาก็โดนสังคมปฏิเสธ ไม่ให้อาหาร ไม่ให้ที่พัก ไม่ให้ทำงาน เพียงเพราะเคยเป็นนักโทษ
ฌอง วัลฌองโกรธและเคียดแค้นสังคม
แต่หลังจากที่ได้พบกับบาทหลวงผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาเขาก็กลับตัวกลับใจเป็นคนดี แต่แรกเริ่ม ฌอง
วัลฌองไม่ใช่คนไม่ดีแต่เพราะสภาพสังคมที่มีแต่ความทุกข์ยาก อดอยาก ทำให้ฌอง
วัลฌองต้องผันตัวเองให้กลายเป็นขโมยเพื่อมีชีวิตรอด ความคั่งแค้นต่อสังคมสะสมมาตั้งแต่ที่ถูกจองจำในคุกหายไปเมื่อฌอง
วัลฌอง ได้รับสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับ ตราบใดที่สังคมยังฟอนเฟะ
และเต็มไปด้วยคนเห็นแก่ตัว สิ่งนั้นก็คือความเมตตาจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง
เมื่อฌอง
วัลฌองได้รับความเมตตา เขาก็ไม่ลังเลที่จะส่งมอบความเมตตานี้ให้กับผู้อื่น ฌอง
วัลฌองเริ่มต้นชีวิตใหม่
โดยการปกปิดตัวตนและก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นนายกเทศมนตรีที่มั่งคั่ง ใจบุญ
ช่วยเหลือคนยากคนจน ไม่นานหลังจากนั้นเขาได้รับปากกับ ฟองทีน
หญิงสาวโสเภณีคนหนึ่งว่า จะตามหาและเลี้ยงดูลูกสาวของเธอคือ โคเซ็ต ให้ หลังจากที่ฌอง
วัลฌองพบเจอโคเซ็ตต์และรับเลี้ยงเธอ ฌอง วัลฌองจึงได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า”ความรัก”
ในสังคมที่ฌอง วัลฌองอยู่ มีคนที่มองเพื่อนมนุษย์ด้วยความหวาดระแวงและเกลียดชัง
แต่ฌอง วัลฌอง
ก็ได้มอบน้ำใจและความรักให้กับผู้อื่นเพื่อทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นอีกสักนิด
“ไม่มีสิ่งใดไร้ค่าอย่างแท้จริง”
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีสิ่งใดหรือใครควรถูกกีดกันหรือถูกรังเกียจ
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยกันเพื่อการคงอยู่ของตน ไม่ว่าจะเป็น ขโมย โสเภณี
หรือเด็กข้างถนน ทุกคนล้วนมีหน้าที่ที่แตกต่าง และคนเหล่านั้นต้องพึ่งพาอาศัยกันเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสังคมต่อไป
ทุกวันนี้ปัญหาความยากจน
ปัญหาการว่างงาน ยังคงมีอยู่ และผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่โดนสังคมกดขี่ ข่มเหง
และเอารัดเอาเปรียบ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ Les
miserable ยังคงเป็นอมตะ
เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี Les miserable
ก็ยังคงถูกใจคนดู และสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง