The Legend of 1900“จุดสิ้นสุดของโลกไปนี้...อยู่ตรงไหน”
จูเซปเป้ ทอนาทอเร่
ผู้กำกับหนังอิตาลีชื่อดังจากเรื่อง Cinema Paradiso ได้มาทำงานในฐานะของผู้กำกับและผู้เขียนบทในเรื่อง The Legend
of 1900 ทั้งหมดเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งเกิดและโตในเรือเดินสมุทรเวอร์จิเนีย
ตั้งแต่เกิดจนวาระสุดท้ายของชีวิต โดยที่ไม่เคยก้าวขึ้นไปยืนบนแผ่นดินสักครั้ง
ช่วงปี ค.ศ. 1900
(ช่วงเวลาในภาพยนตร์)
เป็นช่วงที่อเมริกาเรื่องเข้ามามีความสำคัญกับสังคมโลก และการเร่งพัฒนาในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นอุสาหกรรม
ธุรกิจบันเทิง ดนตรี(แจ๊ส)
การอพยพของชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในอเมริกาเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ที่มีความมั่นคง
โดยการใช้เรือเดินสมุทรข้ามทะเลมา
ตัวเอกของเรื่องนี้คือนาย”พันเก้า”
ผู้ที่เกิดบนเรือ”เวอร์จิเนีย”
เรือเดินสมุทรที่พาผู้อพยพจากทางฝั่งยุโรปเข้ามาในอเมริกา
นายพันเก้าแสดงทักษะความสามารถทางดนตรีออกมาตั้งแต่อายุแปดขวบ
เขาสามารถเล่นดนตรีได้โดยที่ไม่ต้องมีใครสอน
เวลาผ่านไปนายพันเก้าได้เป็นนักดนตรีอยู่บนเรือเวอร์จิเนียและไม่เคยก้าวเท้าลงจากเรือเลยสักครั้ง
หลายคนคงสงสัยว่าจินตนาการของนายพันเก้านำมาจากไหน จินตนาการอะไรที่ทำให้เขาเล่นเปียโนได้ยอดเยี่ยมและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ดีขนาดนั้น
เมื่อทั้งชีวิตไม่เคยขึ้นจากเรือ นายพันเก้ารับรู้เรื่องราวจากบนบกผ่านการอ่านหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า
เรียนรู้จากผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามากับเรือในแต่ละเที่ยวของการเดินทางไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือคำพูดของใครสักคน
นายพันเก้ารู้จักที่จะฟัง รู้จักการอ่านทุกสัญลักษณ์ที่ทุกคนนำติดตัวมา
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ เสียง กลิ่น หรือผืนดิน
“แต่ละครั้งที่เขาเล่นดนตรี...เขาเดินทางไปในที่ที่ต่างกัน
มันเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ ด้วยเหตุว่าเขาไม่เคยขึ้นจากเรือแม้เพียงสักครั้ง
แต่ก็เหมือนกับว่าเขาเคยไปเห็นมาแล้ว แน่นอนเขาไม่เคยไปยังสถานที่เหล่านั้น”
(ตัดมาจากหนังสือเรื่องโนเวนเชนโต้)
ครั้งหนึ่งนายพันเก้าเคยตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าตัวเองจะขึ้นจากเรือเวอร์จิเนียไปบนบกแต่สุดท้ายก็หันหลังกลับเข้าเรือและบอกกับตัวเองว่าจะไม่ขึ้นบกอีกตลอดที่ตนยังมีชีวิตอยู่
ก่อนวาระสุดท้ายของชีวิตนายพันเก้าบอกเล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เขากลับเข้าเรือในวันนั้นว่า ไม่ใช่เพราะสิ่งที่มองเห็นหรอก
แต่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นต่างหากที่ทำให้เขาหยุดชะงักในวันนั้น
นายพันเก้าพยายามมองหาจุดสิ้นสุดในเมืองใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็หาไม่พบ ความกลัวจึงเกิดขึ้นมาในใจของนายพันเก้า
ตลอดเวลาที่อยู่บนเรือลำนี้ เขาก็มีความปรารถนาเช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาในเรือแต่ทว่าความปรารถนานั้นมีขอบเขตแค่หัวเรือถึงท้ายเรือเท่านั้น
“หากเปรียบกับเปียโนสักหลัง
คีย์เปียโนมีที่เริ่มต้นและมีที่สิ้นสุด ทั้งหมดมีแปดสิบแปดคีย์
ถ้าผู้เล่นไม่มีที่สิ้นสุด ดนตรีที่เล่นก็จะไร้จุดสิ้นสุด
ซึ่งต่างจากเปียโนชีวิตบนผืนแผ่นดิน
ที่เบื้องหน้ามันมีคีย์เปียโนหลายพันล้านคีย์ที่ไม่มีวันหมดสิ้น
กับคีย์เปียโนแบบนั้นไม่มีดนตรีอะไรที่เราจะเล่นได้ คงเหมือนกับถนนหนทางอันมากมายในโลกใบนี้
เราจะเลือกถนนสักสายได้อย่างไร หรือถ้าจะเลือกผู้หญิงสักคน บ้านสักหลัง
ที่ดินสักผืน ทิวทัศน์ไว้มอง วิธีที่จะตาย โลกตรงนั้นทั้งหมด
ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงตรงไหน” นี่คือคำพูดของนายพันเก้าที่กล่าวถึงเมืองใหญ่ที่ไร้จุดสิ้นสุด
นายพันเก้ามีความผูกพันกับเรือเวอร์จิเนียมาตั้งแต่เกิดทำให้เป็นเรื่องยากที่ทำให้เขาตัดใจขึ้นจากเรือได้
เขาไม่ใช่คนที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรในชีวิตเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องยาก นายพันเก้าเป็นคนที่มีนิสัยที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กทำให้หวาดเกรงต่อสถานที่ใหม่
เขาต้องการกรอบหรือขอบเขตที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต
ไม่ชอบความวุ่นวาย และอเมริกาไม่ใช่สถานที่แบบนั้น อเมริกาเป็นสถานที่ที่มีแต่ความอิสรเสรีและความวุ่นวาย
ทุกคนมีโลกที่เหมาะสมลงตัวกับชีวิตตัวเองกันไปคนละแบบ
โลกใบที่ไม่อาจวัดด้วยคำว่า ดีกว่า หรือ แย่กว่าสำหรับคนอื่น สำหรับนายพันเก้าโลกที่เหมาะสมและลงตัวกับชีวิตของเขาที่สุดก็คงจะเป็นชีวิตบนเรือเวอร์จิเนีย
กับเปียโนหนึ่งหลังแปดสิบแปดคีย์ที่มีจุดสิ้นสุด