วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

Les miserables ความเมตตาท่ามกลางสังคมที่เห็นแก่ตัว

Les miserables ความเมตตาท่ามกลางสังคมที่เห็นแก่ตัว

Les miserables หนึ่งในสุดยอดวรรณกรรมโลกที่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษาทั่วโลก มีการนำไปสร้างเป็นละครเวทีและดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ วรรณกรรมเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมฝรั่งเศสที่เขียนขึ้นโดยวิกตอร์ อูโก บอกเล่าถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1789-1832 เนื้อเรื่องมีความลึกซึ้งกินใจ เพราะเป็นภาพสะท้อนชีวิตจริงของผู้คนที่ใช้ชีวิตท่ามกลางระบบสังคมที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรม แต่ก็มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งความเมตตานี้เองจะเป็นสิ่งที่มอบความหวัง ความเชื่อมั่น และความศรัทธาให้กับผู้คนเพื่อต่อสู้กับสภาพสังคมที่เลวร้าย

“ไม่มีใครชั่วร้ายที่สุด และไม่มีใครดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาที่ไป” เช่นในกรณีของ ฌอง วัลฌอง ตัวเอกของเรื่องที่ถูกจองจำในคุกถึงสิบเก้าปี เพียงเพราะว่าเขาขโมยขนมปังก้อนหนึ่งเพื่อนำไปให้หลานสาวที่กำลังจะอดตาย เมื่อพ้นโทษเขาก็โดนสังคมปฏิเสธ ไม่ให้อาหาร ไม่ให้ที่พัก ไม่ให้ทำงาน เพียงเพราะเคยเป็นนักโทษ ฌอง วัลฌองโกรธและเคียดแค้นสังคม แต่หลังจากที่ได้พบกับบาทหลวงผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาเขาก็กลับตัวกลับใจเป็นคนดี         แต่แรกเริ่ม ฌอง วัลฌองไม่ใช่คนไม่ดีแต่เพราะสภาพสังคมที่มีแต่ความทุกข์ยาก อดอยาก ทำให้ฌอง วัลฌองต้องผันตัวเองให้กลายเป็นขโมยเพื่อมีชีวิตรอด ความคั่งแค้นต่อสังคมสะสมมาตั้งแต่ที่ถูกจองจำในคุกหายไปเมื่อฌอง วัลฌอง ได้รับสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับ ตราบใดที่สังคมยังฟอนเฟะ และเต็มไปด้วยคนเห็นแก่ตัว สิ่งนั้นก็คือความเมตตาจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง

เมื่อฌอง วัลฌองได้รับความเมตตา เขาก็ไม่ลังเลที่จะส่งมอบความเมตตานี้ให้กับผู้อื่น ฌอง วัลฌองเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยการปกปิดตัวตนและก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นนายกเทศมนตรีที่มั่งคั่ง ใจบุญ ช่วยเหลือคนยากคนจน ไม่นานหลังจากนั้นเขาได้รับปากกับ ฟองทีน หญิงสาวโสเภณีคนหนึ่งว่า จะตามหาและเลี้ยงดูลูกสาวของเธอคือ โคเซ็ต ให้ หลังจากที่ฌอง วัลฌองพบเจอโคเซ็ตต์และรับเลี้ยงเธอ ฌอง วัลฌองจึงได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า”ความรัก” ในสังคมที่ฌอง วัลฌองอยู่ มีคนที่มองเพื่อนมนุษย์ด้วยความหวาดระแวงและเกลียดชัง แต่ฌอง วัลฌอง ก็ได้มอบน้ำใจและความรักให้กับผู้อื่นเพื่อทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นอีกสักนิด

 “ไม่มีสิ่งใดไร้ค่าอย่างแท้จริง” ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีสิ่งใดหรือใครควรถูกกีดกันหรือถูกรังเกียจ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยกันเพื่อการคงอยู่ของตน ไม่ว่าจะเป็น ขโมย โสเภณี หรือเด็กข้างถนน ทุกคนล้วนมีหน้าที่ที่แตกต่าง และคนเหล่านั้นต้องพึ่งพาอาศัยกันเพื่อดำรงชีวิตอยู่ในสังคมต่อไป


ทุกวันนี้ปัญหาความยากจน ปัญหาการว่างงาน ยังคงมีอยู่ และผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่โดนสังคมกดขี่ ข่มเหง และเอารัดเอาเปรียบ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ Les miserable ยังคงเป็นอมตะ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี Les miserable ก็ยังคงถูกใจคนดู และสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น